โครงการอุปการะเด็ก

แม่หายไป ชื่อพ่อไม่ปรากฎในใบแจ้งเกิด

        “ในกระเป๋ายายมีแค่สตางค์เหรียญบาทเหรียญห้าบาท น้องเขื่อนไม่ค่อยได้กินข้าวกินปลาครบมื้อและไม่เคยได้กินของดี ขนมหวานที่ได้กินบ่อยที่สุด คือ ข้าวคลุกน้ำตาลที่จะได้กินหลังเสร็จ จากการเซ่นไหว้ศาลของเพื่อนบ้าน” ยายทวดพูดพลางเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อคอกระเช้าหยิบเหรียญบาทส่งให้เหลน

        น้อง “เขื่อน” เด็กชาย วัย 7 ขวบ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อและไม่คุ้นเคยใบหน้าของแม่ เพราะกว่า 5 ปีแล้วที่แม่พามาฝากไว้ให้อยู่กับยายทวดและตาทวด แล้วไม่กลับมา ยายทวดอายุ 80 ปี มีอาชีพรับจ้างและหาของป่ามาขาย แต่ตอนนี้ยายทวดชรามากจะไปรับจ้างดั่งแต่ก่อนก็ไม่ไหว ก้าวย่างที่เนิบช้า ต้องเดินไปหาของป่า ตกปลามาขายหาเลี้ยงครอบครัวแทน

6 ขวบ เริ่มต้นชีวิต “เด็กวัด”

        เมื่อหมดฤดูกาลทำนา ยายทวดก็หาอาหารและหาของจากป่า เช่น หน่อไม้ เห็ด หรือปลา มานั่งขายแถวบริเวณหน้าวัดบ้านเพ็ก จ.ศรีสะเกษ น้องเขื่อนจึงเติบโตมากับวัด เติบโตมากับพระ ช่วงเช้าตรู่พระเดินบิณฑบาตผ่าน ท่านก็เมตตามอบขนมจากการบิณฑบาตให้อยู่บ่อยครั้งและเมื่อปีที่แล้วตาทวด อายุ 78 ปี ล้มป่วยลงและไม่สามารถกลับมาเดินอย่างปกติ ยายทวดจึงตัดสินใจปรึกษา เจ้าอาวาสและหลวงพี่นาวัดบ้านเพ็กให้ช่วยส่งเสริมและดูแลเด็กน้อยไร้พ่อแม่ให้ช่วยงานวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแลกกับข้าวก้นบาตรพระทุกวันและจากวันนั้นน้องเขื่อนจึงเป็น “เด็กวัด” จวบจนถึงวันนี้

ตื่นตี 4 สะพายย่ามเดินตามพระบิณฑบาต

        “น้องเป็นเด็กมีวินัยตื่นเช้า ไม่งอแง ทำอะไรก็ตั้งใจทำ ล้างห้องน้ำ ช่วยเณรโดยไม่ปริปากบ่นและที่สำคัญคือเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ วันไหนญาติโยมเอ็นดูให้นมกล่อง เขื่อนก็จะเก็บไว้ยายทวดตาทวดได้กินก่อน” หลวงพี่นาชื่นชมเด็กน้อยที่กำลังช่วยงานอย่างขยันขันแข็ง ดื้อ บ้าง ซนบ้าง ตามประสา น้องเขื่อนเป็นเด็กดีตั้งใจฟังคำสั่งสอนจากเจ้าอาวาส ท่านเอ็นดูจึงช่วยส่งเสริมให้น้องเขื่อนได้แสวงหาความรู้และอยากให้ห่างไกลยาเสพติด จึงช่วยกันผลักดันให้น้องเข้าเรียน ป.1 ที่โรงเรียนในชุมชนใกล้วัด 1 ปีที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ ในชีวิต

        น้องเขื่อนเป็นเด็กดีตั้งใจฟังคำสั่งสอนจากเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสท่านเอ็นดูจึงช่วยส่งเสริมให้น้องเขื่อนได้แสวงหาความรู้และอยากให้ห่างไกลยาเสพติด จึงช่วยกันผลักดันให้น้องเข้าเรียน ป.1 ที่โรงเรียนในชุมชนใกล้วัด 1 ปีที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ ในชีวิต ของน้องเขื่อน ค่อย ๆ ได้เปลี่ยนแปลง “ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าที่ใส่มาโรงเรียนดูเลอะเทอะ ตอนนี้ดูสะอาดสะอ้านขึ้น ร่างกายเคยซูบผอม ก็แข็งแรงขึ้นจากข้าวก้นบาตรพระ เรียนดีขึ้นเพราะได้ฝึกอ่านฝึกเขียนหลังเลิกเรียนที่วัด” ครูณัฐธิรา คุณครูประจำชั้นพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะจับมือน้องเขื่อนตรวจดูความสะอาดตามซอกเล็บ

ความเงียบ-เหงา ในคืนฟ้ามืด

        แม้จะชินกับชีวิตเด็กวัด แต่สำหรับเด็ก 7 ขวบ การนอนคนเดียวก็ทำให้เหงาและกลัว ยิ่งคืนไหนเป็นคืนข้างแรมท้องฟ้ามืดสนิท น้องเขื่อนจะกระสับกระส่ายใจ อยากกลับไปนอนในอ้อมกอดอุ่นของยายทวดและนอนข้าง ๆ ตาทวดมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็จะพยายามข่มใจและก้าวข้ามความกลัวหอบหมอนไปนอนที่กุฎิพี่เณรแทน 

ยายทวด คือ ดวงใจของหนู

        ยายทวดบอกกับหนูบ่อย ๆ ว่า “เขื่อนมีต้นทุนชีวิตน้อยกว่าคนอื่นเขา ถ้าไม่อยากอด ก็ต้องขยันมาก ๆ นะลูก” ทุกวันนี้พอฟ้าสาง น้องเขื่อนตื่นลืมตาจะคิดเสมอว่า “หนูตั้งใจว่าต้องเก็บเงินในกระปุกให้เยอะ ๆ เรียนเยอะ ๆ ให้ยายทวดดีใจ แต่กว่าจะเรียนจบก็ไม่รู้ว่ายายทวดกับตาทวดจะยังอยู่กับหนูหรือเปล่านะครับ” ถึงคำพูดและสีหน้าของน้องเขื่อนจะสงบนิ่ง แต่แววตาแอบซ่อนความกังวลใจเอาไว้ เพราะหากไม่มียายทวดตาทวดเขาจะอยู่อย่างไรได้เพียงลำพัง 

ความไม่มี คือ เหตุที่ต้องผลให้ดิ้นรน

         เด็กน้อยกำลังรอคอยท่านช่วยโอบอุ้ม “การอุปการะเด็ก” ไม่ใช่แค่เป็นเพียงการให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ช่วยป้องกันไม่ให้เด็กรู้สึกเคว้งคว้างและโดดเดี่ยว ท่านสามารถมอบโอกาสและตั้งต้นชีวิตเด็กด้อยโอกาส มอบชีวิตใหม่ มอบความความมั่นคง อุ่นใจ เพื่อให้เด็กมีความสุขในชีวิตสักครั้ง ง่าย ๆ เพียงท่านกรอกแบบตอบรับที่แนบมานี้ หรือตอบรับออนไลน์ที่ www.ccfthai.or.th หรือโทรหาเราที่ 02 747 2600

 

ร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็ก

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสาร

ข้อมูลของท่านจะถูกจัดเก็บรักษาความปลอดภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

English

ร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็ก