"การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การให้ความรู้" ปรัญชาเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งนี้เป็นแนวทางสำคัญที่ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. ยึดถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของเด็กยากไร้จะสามารถเติบโตและก้าวหน้าได้ด้วยตัวของเขาเองหากพวกเขามีความรู้ ทุกๆ ปีมูลนิธิฯ จึงสนับสนุนทุนการศึกษาให้เด็กที่อยากเรียนและตั้งใจเรียน
การอุปการะเด็กยากไร้ของมูลนิธิฯ รับอุปการะเด็กตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 24 ปี ซึ่งจะมุ่งเน้นความช่วยเหลือทั้งรูปแบบการสงเคราะห์เยียวยาชีวิตที่ยากไร้ ทั้งช่วยพัฒนาศักยภาพในตัวเด็ก ครอบครัวเด็ก โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ทั้งในด้านความเป็นอยู่ สุขภาพพลานามัย และที่สำคัญก็คือการศึกษา
หากเราจะลองพิจารณาถึงชีวิตของเด็กยากไร้ที่กำลังเผชิญกับสายลมแห่งโชคชะตาโดยลำพัง การที่เราจะสนับสนุนให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่จะสามารถสร้างสรรค์ชีวิตตัวเอง ครอบครัวตัวเอง ไปจนถึงสังคมและประเทศชาติ สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน อาวุธสำคัญอย่างยิ่งที่เด็กๆ เหล่านั้นจำเป็นต้องมี คือ "สติปัญญาและความรู้" มูลนิธิฯ จึงถือเป็นภารกิจหลักประการหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนตามศักยภาพของตน ดั่งพระราชดำรัสของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เคยพระราชทานแนวการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ไว้ว่า "ต้องส่งเสริมให้เด็กๆ เรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้"
แต่น่าเสียดายที่ในโลกแห่งความเป็นจริงเด็กๆ หลายคนไม่ได้เรียนหนังสือ หลายๆ คนที่กำลังเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ก็ต้องสะดุดหยุดลงถ้าครอบครัวไม่สามารถหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ ปัจจัยเงื่อนไขแห่งความยากจนยังคงสถิตย์อยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นวังวนวงจรที่ทุกข์ยากของเด็กไทย
จึงเป็นที่มาของ "กองทุนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา" และ "กองทุนพิเศษเพื่อเยาวชนในระดับอุดมศึกษา" ที่มูลนิธิฯ ได้ริเริ่มดำเนินการเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่ยากไร้ โดยในปี 2556/57 นี้มีเยาวชนที่ได้รับทุนการศึกษานี้จำนวน 84 คน
"หนูรับทุนเป็นปีที่ 4 แล้วค่ะ ถ้าหนูไม่ได้ทุนนี้ก็คงไม่ได้เรียน ตอนจบ ม.6 คุณแม่ก็บอกแล้วว่าจะไม่ให้เรียนต่อ เพราะรายได้เราไม่พอสมาชิกในครอบครัวมีหลายคน อยากให้เราออกมาช่วยทำงานหารายได้เพิ่ม บ้านหนูแม่ทำงานหาเงินคนเดียว เพราะคุณพ่อประสบอุบัติเหตุจนขาหักทำงานไม่ได้แล้วอยู่แต่ที่บ้าน" ประกาย ชูรัตน์ หรือ อั้ม ชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด กล่าวความในใจ
เมื่อวันที่ 14-16 มิถุนายน 2556 ได้มีการจัดกิจกรรม "ค่ายเยาวชนปฏิบัติธรรม" ณ วัดบางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก เพื่อทำการมอบทุนการศึกษาดังกล่าว และเพื่อให้เยาวชนที่ได้รับทุนได้รับการบ่มเพาะแนวคิดด้านจริยธรรม ให้เป็นคนดีมีคุณธรรม สร้างเสริมทักษะการดำเนินชีวิตในสังคมอย่างมีคุณภาพ โดยมี พระครูสังฆรักษ์สงบ ธมฺมสนฺติโก เจ้าอาวาส พร้อมคณะสงฆ์จากวัดบางปลากด และ ดร.สุนี แสงสว่าง เป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านธรรมะ สมาธิ สติ นอกจากนั้นยังได้รับเกียรติจาก คุณปรีชา ส่งวัฒนา เจ้าของธุรกิจกลุ่มบริษัท Fly Now ในฐานะผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงและเพียบพร้อมด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย มาถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ข้อแนะนำต่างๆ ให้กับเยาวชน อันจะเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจที่ดีกับเด็กๆ ที่กำลังอยู่ในวัยอุดมศึกษา ตกอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมทั้งที่ดีและที่มอมเมาต่างๆ
กิจกรรมในครั้งนี้มีเยาวชนที่ได้รับทุนเพื่อศึกษาในระดับอุดมศึกษาจากสถาบันต่างๆ เข้าร่วมจำนวน 84 คน จาก 19 จังหวัด
"หนูเป็นมุสลิมคนหนึ่งที่เข้ามาร่วมกิจกรรมในวัดแห่งนี้ แม้ว่าจะแตกต่างจากคนส่วนใหญ่แต่ก็ยินดีมากได้มา พวกหนูไม่ได้ถือศีล 8 ทุกคนก็ดูแลพวกหนูเป็นอย่างดี หนูซึ้งใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกหนูจะช่วยกวาดลานวัด ทำความสะอาด หนูก็ยังรู้สึกว่ามันยังน้อยไปสำหรับความรู้ที่ทางวัดมอบให้ ซึ่งนำไปใช้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี หนูไม่มีสิ่งใดจะบรรยายไปมากกว่านี้ เพียงแค่อยากจะบอกว่า ขอบคุณ" อารยา ยูฮันเงาะ หรือ ดา 1 ใน 3 สาวมุสลิมจากจังหวัดสตูล ซึ่งกำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เอกคณิตศาสตร์ กล่าวถึงความรู้สึกให้เราฟังถึงความประทับใจแม้ต่างศาสนา แต่สามารถการเรียนรู้ร่วมกันได้ เธอยังเล่าต่ออีกว่าความฝันของเธอเมื่อจบการศึกษา เธออยากทำงานในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
"พอได้รับการชวนมาร่วมงานนี้ผมก็รู้สึกว่าอยากมา เหตุเพราะผมเคยเป็นเด็กที่ด้อยโอกาสมาก่อน จึงอยากจะมาบอกน้องๆ ว่าวันนี้น้องมีโอกาสแล้ว ขอให้กล้าเถอะ...กล้าที่จะคิด แล้วอย่าดูถูกตัวเอง เราทำได้ จะสำเร็จเร็วช้าอยู่ที่ความมุ่งมั่นของเรา แต่มุ่งมั่นอย่างเดียวไม่พอต้องเป็นคนดีด้วย คนดี...เป็นยังไง คนดีก็ต้อง ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน และขวนขวาย แล้วเมื่อเราเข้มแข็ง เราก็จะเกื้อกูลอุ้มชูคนอื่นได้ เป็นผู้ให้ได้" คุณปรีชา ส่งวัฒนา เจ้าของธุรกิจมูลค่าหมื่นล้านกล่าวบรรยายอย่างน่าประทับใจ พร้อมย้ำตอนท้ายว่า "ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน อนาคตเรา...เรากำหนดได้ คนเราแม้จะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกเป็นได้"
"ทุน ในความหมายของมูลนิธิฯ เราไม่ได้หมายถึงแค่เงินทองเท่านั้น แต่หมายรวมถึงสิ่งที่มีคุณค่า สิ่งที่เป็นธรรมะเป็นทุนชีวิต เรามอบทุนมอบธรรม ซึ่งถ้าเราปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในตัวเด็กๆ เขาก็จะใช้ชีวิตอยู่กับความทุกข์ได้อย่างมีทุกข์น้อย อยากให้น้องๆ เด็กๆ ทุกคนนำทุนที่ได้รับทั้งทุน ทั้งธรรม ทั้งสิ่งที่ได้เรียนรู้ ไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า" ดร กรรณชฎา พิริยะรังสรรค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวทิ้งท้าย