เรื่องเล่าจาก CCF

ในอ้อมอกแม่อีกครั้ง...หลังผ่านความสูญเสีย

บ่ายวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 น้องเนย นั่งเล่นอยู่ข้างๆ ยายซึ่งนอนอยู่ในเปลใต้ถุนบ้านจนถึงเย็น โดยไม่รู้เลยว่ายายของเธอได้หมดลมหายใจ จากไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางวัน จวบจนพลบค่ำเพื่อนบ้านถึงได้เข้ามาพบเหตุ จากนั้นงานศพถูกจัดขึ้นอย่างตามมีตามเกิด และแม่บังเกิดเกล้าซึ่งจากบ้านไปนาน ถูกโทรตามตัวให้กลับบ้านด่วน

แม่น้องเนย วัยเพียง 23 ปี ออกจากบ้านไปตระเวนหางานทำตั้งแต่น้องเนยอายุแค่ 2 ขวบ ส่วนพ่อหายไปจากชีวิตตั้งแต่หนูน้อยยังเล็กมาก ความเป็นวัยรุ่นของแม่ เจ้าตัวยอมรับว่าบางครั้งก็ติดเที่ยวไม่ได้ส่งเงินกลับบ้านอย่างสม่ำเสมอ ส่งมาแค่ 1,000 ถึง 2,000 บาท ทิ้งภาระให้ยายที่ติดเชื้อ HIV ต้องดิ้นรนเลี้ยงดูน้องเนยและดูแลทวดวัย 80 ปีโดยลำพัง ทั้ง ๆ ที่ยายเองก็ไม่ค่อยแข็งแรง และไม่มีอาชีพใด ๆ แต่ด้วยความรักหลานปานดวงใจ ยายจึงดูแลหนูน้อยอย่างเต็มกำลังสุดความสามารถของผู้ป่วยเรื้อรัง ครูที่โรงเรียนบอกว่า ภาพสองยายหลานสวมกอดกันระหว่างมาส่งรับน้องเนยที่โรงเรียน เป็นภาพที่เห็นจนชินตา แต่วันใดที่อาการยายกำเริบ มาส่งหลานไม่ไหว น้องเนย ก็พลอยขาดเรียนไปด้วย ทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กเรียนดี ตั้งใจเรียน

ความขัดสนของครอบครัว ทำให้ มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ เพื่อเด็กและเยาวชน รับน้องเนยเข้าโครงการและนำเรื่องราวของหนูน้อยมาลงในจดหมายขอรับการบริจาค เพียงไม่นานก็มีผู้เห็นใจบริจาคเงินให้น้องเนยรวม ๆ กันเกือบ 50,000 บาท ทั้งที่บริจาคเป็นเงินให้เด็กโดยตรง หรือประสงค์บริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียน หนังสือ ชุดเครื่องกันหนาว ซ่อมแซมห้องน้ำ เป็นค่าอาหารเช้า 1 ปีการศึกษา ไปจนถึงเงินเพื่อซื้อ พันธุ์สัตว์ พันธุ์พืช เพื่อไว้ใช้ประกอบอาหารเลี้ยงทั้ง 3 ปากท้อง จะได้ไม่ต้องห่วงว่า มื้อต่อไปจะไม่มีอะไรกินอีก

ดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่กลับพลิกผัน เมื่อยายมาด่วนจากไปเสียก่อน อย่างไรก็ดีเงินบริจาคและความช่วยเหลือทั้งหมด ได้กลายเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับปูทางให้แม่น้องเนยกลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่ในบ้านเกิด เป็นที่พึ่งให้กับลูกสาว

มูลนิธิฯ พาแม่น้องเนยไปทำงานกับ กลุ่มทอเสื่อกกวังโบสถ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มูลนิธิฯ มีส่วนในการริเริ่มตั้งขึ้น แม่น้องเนยบอกว่า ได้ค่าแรงประมาณเดือนละ 6,000 บาท แม้จะไม่มากมายแต่ก็ดีใจที่ได้ทำงานในที่ ๆ ได้อยู่กับลูก

"ตอนแรกแฟนใหม่ให้ไปอยู่ด้วยที่ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นบ้านของเขา ให้ไปหางานทำที่นั่น ก็ตั้งใจจะพาลูกไป แต่มาคิดว่าญาติ ๆ แฟน มีลูกหลานผู้ชายเยอะ เราก็ไม่ค่อยวางใจ แล้วมูลนิธิฯ ก็เข้ามาช่วยพอดี หาโน่นนี่ให้ทำ เลยตัดสินใจอยู่ที่บ้านตัวเองดีกว่า จะได้ดูแลลูก ดูแลทวดของน้องเนยซึ่งแก่มากแล้ว"


สภาพบ้านน้องเนยที่ใช้สังกะสีมาปะผุ ไม่มีหน้าต่าง บันไดขึ้นบ้านทำให้ยายทวดใช้งานลำบาก


บ้านใหม่ของน้องเนยที่สร้างเสร็จแล้ว พร้อมเข้าอยู่อาศํย มีห้องน้ำอยู่ภายในตัวบ้าน สะดวกสบายกับน้องเนยและยายทวด

นอกจากนี้ บริษัท กรณิศก่อสร้าง เข้ามาช่วยปรับปรุงบ้าน จากบ้านฝาสังกะสี ไม่มีหน้าต่าง ร้อนอบอ้าว กลายเป็นบ้านปูนดูดีน่าอยู่ มีห้องน้ำสะอาด มิดชิด ขณะที่ทางมูลนิธิฯ ทยอยนำเครื่องใช้ อุปกรณ์การศึกษา พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ มามอบให้ตามที่ผู้บริจาคกำหนดวัตถุประสงค์ รวมถึงอบรม ให้ความรู้ทางเกษตรกรรมต่อแม่และน้องเนย ส่วนเงินสดจะเปิดบัญชีเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา

ชีวิตน้องเนย อาจไม่สวยงาม เท่ากับลูกหลานพวกเรา แต่น้ำใจอันงดงามจากผู้ใหญ่ใจดี คนละเล็ก คนละน้อย กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ จนพลิกชีวิตเด็กน่าสงสารที่สุดคนหนึ่ง ต้องขอบคุณแทนครอบครัวน้องเนยในความช่วยเหลือทั้งหมด ทุกวันนี้สองแม่ลูกมีความหวัง มีชีวิตที่ดีขึ้น อย่างน้อยที่สุด เราทุกคนก็ได้ให้สิ่งล้ำค่ากับครอบครัวนี้ ก็คือ การช่วยให้สองแม่ลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน
 


คุณแม่กลับบ้านมาอยู่ดูแลน้องเนย หลังจากคุณยายจากไปด้วยโรคร้าย

สุพินดา ณ มหาชัย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายระดมทุนและประชาสัมพันธ์
27 กุมภาพันธ์ 2560

ร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็ก

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสาร

ข้อมูลของท่านจะถูกจัดเก็บรักษาความปลอดภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

English

ร่วมบริจาคช่วยเหลือเด็ก