เด็กหญิงตัวเล็ก แก้มยุ้ย สวมใส่ชุดกระโปรงยาวที่เคยได้รับบริจาคมา ชอบเล่นบทบาทสมมุติกับเพื่อน ๆ โดยมีเธอเป็น “คุณหมอ” ในเรื่อง วันหนึ่งเธอได้รับข่าวร้ายว่าพ่อของเธอแยกทางกับแม่ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป
ครอบครัวของอุ๋มอิ๋ม อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ใน จ.หนองบัวลำภู ทั้ง 4 ชีวิต อยู่กันอย่าง ยากลำบาก เธอมีพี่ชายที่แสนดี ชื่อว่า “พี่ปอนด์” มียาย ชื่อ “นิล” และตา ชื่อ “ยนต์” ทั้งสองผู้สูงวัย เจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ ยายเป็นโรคความดันโลหิตสูง ส่วนตาเป็นอัมพาตหลังประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้กระดูกบริเวณต้นคอแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัดและนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลนานนับเดือน ตอนนี้ตาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทุกคนในบ้านต้องคอยพลิกตัวให้ตา เพื่อไม่ให้เกิดแผลกดทับ
ยายพูดกับตาว่า “ถ้าวันนึงเราสองคนไม่อยู่แล้วหลาน ๆ จะอยู่กันอย่างไรนะ” ตาตอบว่า “พี่ชาย ของอุ๋มอิ๋มก็พอทำงานรับจ้างได้แล้ว อย่าเป็นกังวลไปเลย” ตาพยายามตอบ แม้จะขยับปากได้ ไม่ถนัดนัก ยายยิ้มให้ตาแล้วบอกกับตาว่า “นอนพักนะตาจะได้หายไว ๆ”
ตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกัน แม่ไปเป็นแรงงานก่อสร้าง “อุ๋มอิ๋ม” จึงไม่ค่อยได้เจอแม่บ่อยนัก ทุกวันสิ้นปีเด็กน้อยจะตั้งตารอ ด้วยหวังว่าแม่จะมาหา แต่สองปีที่ “แม่” ไม่กลับมา “ถ้าหนูรู้ว่า ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะได้เจอแม่ หนูจะกอดไว้แน่น ๆ เลย” อุ๋มอิ๋มนั่งก้มหน้านิ่ง น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มในบ้านไม้เก่า ๆ พื้นผุพัง
มีความหมายตามนิยามของยายว่า “เด็กอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอและเต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง”
6 เดือนก่อน “ปอนด์” พี่ชายวัย 17 ปี ของอุ๋มอิ๋มต้องรับหน้าที่ต่อจากตา ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวที่ประสบอุบัติเหตุ จนต้องนอนติดเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ความยากจน ทำให้พลาดโอกาสหลาย ๆ อย่างในช่วงวัยรุ่นไป ทุกวันนี้ “ปอนด์” ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ต้องทำงานรับจ้างทุกอย่างทั้งหลังเลิกเรียน วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ “หลายครั้งที่รู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ต้องทำงานหนักกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่พอกลับ มาถึงบ้าน เห็นน้องนั่งรอให้อ่านนิทานให้ฟัง มันทำให้ผมมีแรงฮึดสู้ต่อ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”
ด้วยบ้านห่างจากโรงเรียนเกือบ 1 กิโลเมตร ต้องเดินจนเมื่อยขา กว่าจะถึงโรงเรียน เสื้อนักเรียนชื้นเหงื่อไปทั้งตัว “หนูต้องเดินจากบ้านไปโรงเรียนไกลมาก ๆ วันไหนเจอแม่ของเพื่อน เขาก็จะรับขึ้นรถไปด้วย หนูอยากไปเรียนทุกวัน โตขึ้นจะได้เป็นคุณหมอค่ะ”
เมื่อได้ยินคำถาม ดวงตาอุ๋มอิ๋มพลันมีประกายวิบวับ ขณะที่ในมือยังสาละวนกับข้าวเหนียวในกระติบ “หนูเคยไปนอนเฝ้าตาที่โรงพยาบาล ที่นั่นมีคุณหมอและพยาบาลเก่ง ๆ ช่วยรักษาจนตาของหนูตื่นและลืมตาขึ้นมาได้ หนูดีใจมาก ตั้งแต่ตอนนั้นหนูคิดว่า โตขึ้นอยากเป็น คุณหมอ จะได้ดูแลตาให้หายเร็ว ๆ จะได้มีแรงพาหนูไปจับปลาในลำห้วยเหมือนเดิมค่ะ” แต่….หนูคงไม่มีทางไปถึงวันนั้นได้จริง ๆ ใช่ไหม?
ขอท่านโปรด เติมเต็มชีวิตเด็กให้พวกเขามีโอกาสเติบโตไปด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง บริจาคเพียงวันละ 20 บาท (600 บาทต่อเดือน) หรือบริจาครายครั้งตามจิตศรัทธา เพื่อช่วยให้เด็กและเยาวชนด้อยโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ความเป็นส่วนตัวของคุณคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา เราต้องการข้อมูลของคุณเพียงเพื่อการประมวลผลที่จำเป็นต่อการให้บริการ
ถ้าคุณยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงในการใช้งานที่รวมถึง PDPA ของไทย อ่านเงื่อนไขการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่นี่ คลิก