“อีฟรัน” บ้านไม่มีห้องน้ำ-ห้องครัว

“ผมอยากให้บ้านมีห้องน้ำให้พี่สาวและน้องสาวใช้อาบน้ำ มีห้องครัวให้แม่ไว้ทำอาหาร แล้วทุกคนในบ้านนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข” นี่คือความฝันที่ยากจะเป็นจริงของอีฟรัน เด็กชายวัย 8 ขวบ น้องสาว 6 ขวบ และพี่สาวในวัย 12 ขวบของเขา

“ห้องน้ำ” กับ “ห้องครัว”

สิ่งจำเป็นที่แสนธรรมดาแต่กลับเป็นความฝันอันแสนยิ่งใหญ่ของสามพี่น้อง

สถานที่ “อีฟรัน” และครอบครัวอาศัยอยู่ ห่างไกลจากคำว่า “บ้าน” มากเหลือเกิน ภาพที่เราเห็นเป็นบ้านไม้ยกสูงที่อยู่ในสภาพเก่าและทรุดโทรม พื้นบ้านชำรุดผุพัง หากพลั้งพลาดเหยียบตรงจุดที่ผุกร่อน พื้นก็พร้อมที่พังทลายทุกเมื่อ กระเบื้องมุงหลังคามีรอยแตกร้าวเป็นจุด ๆ มองทะลุเห็นท้องฟ้า ข้างฝาบ้านบางด้านเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ ไม่มีหน้าต่างต้องใช้ผ้ามาอุดช่องโหว่กันแดดและฝน ผนังห้องน้ำสังกะสีทั้งหมดปลิวหายไปพร้อมกับพายุฝนเมื่อหลายปีก่อน แต่สำหรับอีฟรันแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานที่ที่เขากำลังยืนมองอยู่ตรงหน้านั่นคือ “บ้าน” ที่เขาไว้ใช้นั่งทำการบ้าน นั่งกินข้าว และพักผ่อนยามค่ำคืนกับครอบครัว

สมาชิก 6 คน มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้พิการ

เริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนเคลื่อนคล้อยตกดินลับตาไป “แม่” เสาหลักของบ้านทำงานไม่ได้หยุดพัก เพื่อหาเลี้ยงให้ทั้ง 6 ชีวิตอิ่มท้อง รายได้ทางเดียว 150 บาทต่อวัน มาจากอาชีพรับจ้างตัดรากข่า พ่อทำงานรับจ้างเท่าที่ร่างกายพอทำงานไหวเพราะขาซ้ายพิการจากอุบัติเหตุตกต้นสะตอกระแทกพื้นจนขาหัก ส่วนน้าสาวเป็นผู้ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ทำให้แม่ของอีฟรันจึงต้องแบกรับภาระจำยอมที่เลี่ยงไม่ได้ของครอบครัว

พายุพัดพาทุกอย่างปลิวหายไปกับสายลม

"จำได้ว่าปี 2566 มีพายุพัดแรงและฝนตกอย่างหนัก พ่อลากขาเดินกระเผลก ๆ พาทุกคนออกจากบ้านเพราะน้ำเอ่อท่วมเข้าในบ้าน ใต้ถุนที่ยกสูงก็เต็มไปด้วยเครื่องครัวที่ลอยอยู่เหนือระดับน้ำ สังกะสีที่ล้อมห้องน้ำไว้ถูกพายุซัดพังปลิวหายไปต่อหน้าต่อตา … ไม่เหลืออะไรแล้วค่ะ" แม่น้องอีฟรันย้อนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังขณะหยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลรินลงมาอาบสองแก้ม

น้ำหยดแหมะ ๆ ใบหน้าเปียกปอน นอนหนาวสั่น

“เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องยอมก้มหน้าทน ถ้าคืนไหนฝนตกก็แทบไม่ได้นอน แม่กับพ่อต้องช่วยกันหาผ้ามาบังหน้าต่างไว้ ยกกะละมังทั้งหมดที่หาได้ภายในบ้านนำมารองน้ำไว้ไม่ให้ไหลเปียกถึงที่นอนของลูก ยามฝนสาดกระเซ็นทุกคนทนนอนเปียกฝนอย่างไม่มีทางเลือก บางครั้งก็มี งู ตะขาบ หรือแมลงไต่เข้ามาในบ้านด้วยค่ะ” อีกแง่มุมที่สะท้อนมาจากแม่ของอีฟรันในบ้านที่ทรุดโทรมผุพังเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหรือฤดูน้ำหลาก บ้านของอีฟรันมักโดนน้ำท่วมหนักเพราะพื้นที่บ้านอยู่ในที่ราบลุ่ม กว่าสองปีแล้วที่ห้องครัวไม่สามารถใช้งานได้ เพราะพื้นไม้ในห้องครัวที่จมอยู่ใต้น้ำเป็นระยะเวลานาน เกิดการผุกร่อนและเป็นรูโหว่หลายจุด เวลาเดินแต่ละครั้งต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ พ่อจึงพาทุกคนย้ายมากินข้าวในห้องนอนแทน

ห้องอาบน้ำกลางแจ้งแบบเปิดโล่ง

ระหว่างที่เดินออกมานอกตัวบ้าน “อีฟรัน” นอกจากพื้นดินโดยรอบ เฉอะแฉะจากน้ำที่ไหลมาจากแอ่งน้ำขังรอบ ๆ บ้านแล้ว ยังพบ “ถังอาบน้ำกลางแจ้ง” ไม่มีหลังคาหรือแม้ผนังกั้นเพื่อบังตา ช่วงเวลาปลดทุกข์แต่ละครั้งก็ต้องไปทำธุระที่บ้านญาติใกล้เรือนเคียง แม้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้าจะเดาแทบไม่ออกว่าสถานที่นี้คือ “ห้องน้ำ” แต่ “อีฟรัน” กลับบอกว่าภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือสิ่งที่ตนเองคุ้นชินเป็นอย่างดี เพราะกิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่ของเขาเกิดขึ้นที่นี่ ทั้งล้างจาน ซักผ้า อาบน้ำทั้งก่อนและหลังเลิกเรียน อีฟรันเล่าว่า “แม่มักพูดเสมอว่า หากมีเงินเมื่อไหร่จะปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้ดีขึ้น พร้อมทั้งหาซื้อสังกะสีเก่า ๆ มากั้นเป็นผนังห้องน้ำ เวลาพี่สาว น้องสาวและแม่อาบน้ำจะได้ไม่ต้องคอยระมัดระวังว่าจะมีคนมาแอบดูอีกต่อไป”

เฝ้ามองดูดาวเดือน เห็นดวงจันทร์แขวนบนท้องฟ้า

“ตอนกลางคืนผมก็ได้แต่นอนมองท้องฟ้าไกลออกไปนอกตัวบ้าน เฝ้าคิดถึงบ้านที่มีฝาผนังที่คุ้มแดดกันฝนได้ คิดด้วยว่าตรงไหนจะเป็นที่สำหรับให้น้าสาวที่ป่วยติดเตียงนอนพัก คิดถึงห้องน้ำเล็กๆ ของแม่ พี่สาว น้องสาว และพื้นที่สำหรับตัวเองนั่งทำการบ้าน เพราะที่ผ่านมาด้วยพื้นที่คับแคบแห่งนี้คือที่ ๆ ทุกคนมานั่งล้อมวงกินข้าวและนอนอัดอยู่ด้วยกัน” แม้อีฟรันจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่ลึก ๆ แล้ว เด็กชายก็รู้ดีว่าฝันนี้ “ยาก” ที่จะเป็นจริงได้ เพราะรายได้หลักของครอบครัวมาจากแม่ที่รับจ้างตัดรากข่าเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเงินก้อนเดียวกับที่ใช้เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านเป็นเงินค่ารักษาและดูแลน้าสาวที่ป่วยติดเตียง

บ้านในฝันของ “อีฟรัน”

บริจาค