หนูน้อยคนพิเศษ “น้องไทตัล”

“ไทตัล” ก้มหน้าสะอื้นร่ำไห้ ร่างกายสั่นไหว มือทั้งสองกำชายเสื้อบิดเป็นเกลียวแน่น “ย้อนไปเมื่อตอนน้องอายุ 5 ขวบ ขณะที่ไทตัลกำลังนั่งเหม่อลอย แม่พยายามเรียกให้เดินมาเก็บผ้าที่ถอดทิ้งไว้ไปใส่ในตะกร้า แต่เรียกหลายครั้ง ลูกก็ไม่ยอมหัน ทำให้อารมณ์แม่ขุ่นมัว จึงกระชากเสียงเรียก “ตะคอกดุว่า” จนน้องไทตัลสะดุ้งตกใจร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด แม้เวลาผ่านไปนานหลายปี เหตุการณ์ครานั้นยังคงติดตา...ไม่เคยลืม”

“แม่คนพิเศษ” ของ “ลูกคนพิเศษ”

ลูกเป็นเด็กซุกซนมาก เวลาที่พูดด้วยจะไม่ตั้งใจฟัง แต่หากพูดด้วย “เสียงดัง” หรือ “ตะคอก” ก็จะร้องไห้น้ำตาไหลพราก เมื่อสังเกตว่าลูกมีอาการผิดปกติ แม่จึงค้นหาข้อมูลจากสื่อออนไลน์ สอบถามพฤติกรรมลูกจากคุณครู ประจำชั้นและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเด็กพิเศษ จึงทราบว่าลูกเป็น “โรคสมาธิสั้น”

อย่าหมดหวังในตัวลูก ทำต่อไป ๆ อย่าหยุด ๆ

ช่วงแรกยอมรับว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคนเป็นแม่ที่จะให้ทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็นอยู่ แม่จึงโทรศัพท์คุยกับพ่อของไทตัลที่ทำงานไกลบ้านเพื่อช่วยกันคิดหาทางออก “สิ่งแรกที่แม่ทำก็ คือ การยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นโดยไม่มีเงื่อนไข จากนั้นก็เริ่มหากิจกรรมทำร่วมกันกับลูก เช่น เลี้ยงปลาหางนกยูง วาดรูป ฯลฯ ซึ่งก็ได้ผลดี ลูกตั้งใจและมีสมาธิมากขึ้น” แม่น้องไทตัลเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“ซึง” ตรึงใจ เครื่องดนตรีไทยช่วยบำบัด

โดยปกติน้องไทตัลเป็นเด็กไม่ค่อยอยู่นิ่ง วันหนึ่งครูเห็นน้องมายืนชะเง้อมองพี่ ๆ เล่นดนตรีอย่างตั้งใจ “ครูให้เขาเข้ามาในห้องดนตรีลองจับซึง หัดเล่นโน้ตง่าย ๆ น้องก็สามารถทำได้ เพียงเทอมเดียวน้องขยับเล่นเป็นเพลงได้แล้ว ตอนนี้ครูให้น้องเข้าร่วมอยู่ในวงแสดงดนตรีกับเพื่อน ๆ ส่วนตัวครูคิดว่าหากน้องได้โอกาสเรียนรู้ทักษะอื่น ๆ เพิ่มขึ้น เขาก็จะพัฒนาต่อ ๆ ไปได้อีกครับ” คุณครูไตรรงค์ ผู้ฝึกสอนดนตรีไทยโรงเรียนท่าปลาอนุสรณ์ 1 เล่าให้ฟังด้วยความชื่นชมลูกศิษย์

“ความพิเศษ” ไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่มีศักยภาพที่จะเรียนรู้

ด้วยความที่เด็กมีปัญหาด้านสายตาที่สั้นกว่า 300 ครูจึงให้น้องไทตัลมาแถวหน้าห้องนั่งเรียนตามปกติเหมือนเพื่อน ๆ หลังคาบเรียบหรือช่วงเวลาพักครูจะทบทวนเพิ่มให้ เพราะน้องเขียนและอ่านช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ “เด็กที่มี พัฒนาการช้า เราต้องสอนย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ เพราะถ้าเราหยุดสอน จากแค่ “ล่าช้า” อาจจะกลายเป็น “ล่าถอย” ซึ่งการที่เด็กกำลังพยายามอยู่ แม้จะช้าบ้าง ผิดบ้าง ก็ต้องปล่อยให้เขาทำอย่างเต็มที่ เราควรให้กำลังใจและอย่าไปทำลายความมั่นใจของเด็ก” คุณครูนุชนารถ ครูประจำชั้นพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“เด็กพิเศษ” อาจเกิดมาพร้อมกับความพิเศษบางอย่างไม่เหมือนใคร ทำให้เขาถูกผลักออกจากสังคม รวมทั้งถูกกีดกันการเข้าถึงบริการสาธารณะและกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ

รักอย่างเข้าใจ

“หยุดโทษตัวเองและ ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น อย่างไม่มีเงื่อนไข”

อย่าหมดหวังในตัวลูก

“แตกต่าง” ไม่ได้หมายความว่าไม่มีศักยภาพที่จะเรียนรู้

“ล่าช้า” อาจจะกลายเป็น “ล่าถอย” ถ้าเราหยุด

ขอ... พ่อแม่เชื่อมั่นในตัวลูก ไม่ว่าจะมีพัฒนาการช้าหรือเร็วเด็กสามารถเติบโตอย่างสมบูรณ์ได้

ขอ... ครูเปรียบเสมือนโค้ช เข้าใจ คอยแนะนำกระตุ้นให้เด็กทำในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบและถนัด

ขอ... ทุกคนให้โอกาสเด็กได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่

เมื่อเด็กวางใจต่อสภาพแวดล้อม ก็จะกล้าออกไปเรียนรู้และก้าวต่อไป ตามจังหวะชีวิตของพวกเขาเองได้

รักอย่างเข้าใจ
บริจาค