น้องน้ำขิงเล่าว่า "วันไหนฝนตกแรง หนูกับปู่ต้องย้ายที่นอนไปนอนรวมกัน 9 คน ในห้องเล็ก ๆ ถ้าหนูมีห้องนอน หนูจะได้ไม่เปียกและไม่ต้องนอนเบียดกัน" คำพูดประโยคสั้น ๆ ที่กลั่นออกมาจากส่วนลึกในใจของน้องน้ำขิง ทั้งที่ความเป็นจริงเด็กน้อยรู้ดีว่ามันยังคงเป็นเพียงแค่ "ความฝัน" ที่ยากจะเป็นจริงได้ เพิงเล็ก ๆ ที่ไม่อาจกันละอองฝน น้องน้ำขิงเรียกมันว่า "ห้องนอน” ที่มีเพียงแคร่ไม้ ที่นอน มุ้ง และพัดลมตัวเก่า อยู่ภายใต้โครงไม้ผุพังที่ถูกยึดโยงกับผืนผ้าใบเก่าขาด ห้องที่เป็นทั้งที่นอนของน้องน้ำขิงกับปู่ ที่ทำการบ้านของหลาน ๆ ที่นั่งกินข้าว และที่นั่งเล่นของทุกคนในบ้าน
ความฝันที่จะมีบ้านช่วยคุ้มแดด กันฝน ยังคงไกลเกินเอื้อมของเด็กน้อย เพราะทุกวันนี้เสาหลักมีเพียงย่ากับปู่ที่ป่วยด้วยโรคเก๊าท์ หัวใจขาดเลือด และรายได้เดือนละประมาณ 2,000 บาท ที่ป้าส่งมาเป็นค่าเลี้ยงดูหลาน ๆ แต่ด้วยความรักแม้ในวันที่ปู่ไม่สบายแทบไม่มีเรี่ยวแรงก็ยังพยายามกัดฟันขับซาเล้งไปส่งหลาน เพราะไม่อยากให้ทั้งหมดต้องขาดเรียน และจากรายได้ที่มีทำให้อาหารจานหลักของครอบครัว จึงหนีไม่พ้น "น้ำพริกและข้าว" ผลผลิตจากพื้นนาจำนวน 2 ไร่ แต่หากปีไหนฝนน้อย ข้าวในนาน้อย ข้าวแทบจะไม่พอกิน ส่วนอาหารมื้อพิเศษหาได้จากธรรมชาติ เช่น ปลา หน่อไม้ เห็ด ฯลฯ
เป้าหมาย 116,860 (น้องน้ำขิง)
100%
เป้าหมาย 4,323,820
(สำหรับเด็กที่อยู่อาศัยไม่ปลอดภัย 37 ครัวเรือน)
0.86%
กรณีที่เงินบริจาคสำหรับสร้างบ้านให้น้องน้ำขิงมีเพียงพอ
มูลนิธิ ฯ ขออนุญาตนำเงินบริจาคไปใช้เพื่อซ่อม/สร้าง บ้านเด็กด้อยโอกาสตามความเหมาะสม
บริจาค
อ่านรายละเอียด