แม่มีครอบครัวใหม่ พ่อบวชเป็นพระ ตั้งแต่ “น้องชะอม” ยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 จากวันนั้นเป็นต้นมา น้องชะอมและพี่ชายต้องใช้ชีวิตระหกระเหินเดินทางไปอาศัยอยู่กับย่าทวดในบ้านเก่าหลังเล็ก ๆ หลังคาผุพังบนดอยสูง
แม้ว่าบ้านของย่าทวดจะเก่า เสาบ้านเริ่มโย้เย้แล้ว แต่ในตอนนี้ที่นี่ก็คือที่พักพิงที่ดีที่สุดสำหรับสองพี่น้องได้ซุกตัวพักอาศัยนอน “น้องชะอม” วัย 8 ขวบ ไม่อยากเป็นเพียงแค่ผู้อยู่อาศัยเท่านั้น เธอจึงพยายามรับหน้าที่ทำงานบ้านเพื่อตอบแทนบุญคุณของย่าทวด ทั้งล้างถ้วยล้างจาน ป้อนข้าว ป้อนยาและเช็ดตัวให้กับ “เทียด” (พ่อและแม่ของย่าทวด) ซึ่งท่านทั้งสองคนเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานนับปีแล้ว ส่วนพี่ชายวัย 13 ปี ก็ไปช่วยงานที่ค่ายมวยและฝึกซ้อมมวย พอมีเงินเก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พี่ชายก็จะซื้อขนมติดไม้ติดมือมาฝากน้องสาวเสมอ
ทำงานหนักเกินกำลังเด็กเกือบทุกวัน “น้องชะอม” เริ่มอ่อนแรงและเหนื่อยล้าจึงนั่งทิ้งตัวลงข้างกองไฟ เพื่อให้ร่างกายได้รู้สึกผ่อนคลายจากงานบ้านมากมายที่ต้องทำ การบ้านก็ต้องรีบเร่งทำให้เสร็จก่อนพลบค่ำ ยิ่งดึก ยิ่งเงียบสงัด เด็กหญิงตัวน้อยกำลังเผชิญกับความโดดเดี่ยวและอ้างว้าง ไม่นานนักเสียงสะอื้นอันแผ่วเบา กลับกลายเป็นเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณบ้าน “หากวันนี้ยังมีแม่อยู่คงจะอบอุ่นมากกว่ากองไฟไหน ๆ” น้องชะอมกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้กระซิก ย่าทวดยืนมองหลานด้วยความสงสารจับใจ ค่อย ๆ ก้าวเดินลงจากบันไดมานั่งข้าง ๆ แล้วเอื้อมมือโอบร่างเด็กน้อยไว้แนบอก ณ เวลานี้ ไออุ่นเดียวที่ช่วยทำให้น้องชะอมอบอุ่นหัวใจ คือ อ้อมกอดของทวด
แม้ความจริงหัวใจของหนูน้อยอาจล่มสลาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฝันของน้องชะอมนั้นจะมลายหายไป ทุก ๆ เช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ “น้องชะอม” นางฟ้าตัวน้อยจะรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่มี เร่งเดินหาและเก็บฟืนกลับบ้านให้ย่าทวดเตรียมทำอาหารให้ปู่เทียดและย่าเทียด จากนั้นก็ช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำให้เทียดทั้งสองคนก่อนรีบกระโดดซ้อนท้ายจักรยานพี่ ๆ ละแวกแถวบ้านอาศัยรถจักรยานไปให้ทันเข้าเรียน “หนูจะเรียนหนังสือให้เก่ง ๆ ถ้าได้เรียนสูง ๆ ก็จะได้เป็นคุณครู หนูอยากเป็นครูสอนภาษาไทยเพราะหนูชอบภาษาไทยและอยากสอนให้เด็กบนดอยให้รู้ภาษาไทย เพราะมันสำคัญมากเลยเวลาที่เราต้องไปติดต่อสถานที่ราชการหรือที่อื่น ๆ ที่ต้องเขียนภาษาไทยค่ะ” น้องชะอมเล่าให้ฟังพลางนั่งอมยิ้มแก้มตุ่ยบนตักย่าทวด
ที่โรงเรียน .... คือช่วงเวลาที่ดีสุดของน้องชะอม เพราะนอกจากจะได้ความรู้แล้วยังเป็นช่วงเวลาที่น้องชะอมจะได้กลับมาเป็น เด็กสมวัยอีกครั้ง “ที่โรงเรียนหนูได้เล่นกับเพื่อน ได้กินไข่พะโล้เมนูโปรดตอนเช้าที่โรงเรียน ได้เล่นสนุกกับของเล่นที่ไม่เคยได้เล่นมาก่อน ที่บ้านไม่มีของเล่นสักชิ้น สิ่งเดียวที่หนูชอบหยิบมันมาเล่นก็คือ “ดอกหญ้า” ที่มีอยู่เต็มทุ่งนาเลยค่ะ”
“ซะอึอออระ กะมาเจอออดิแหล่ ต่าซิยาดิบ่า” ย่าทวดพูดด้วยภาษากะเหรี่ยงซึ่งมีความหมายว่า “เป็นห่วงมาก ๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร” เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ ตัวเองก็อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลหลานไปได้ถึงเมื่อไหร่ ? ย่าทวดพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมถอนหายใจยาว
ขอสองมือท่านผู้มีจิตเมตตา ช่วยโอบอุ้ม “นางฟ้าตัวน้อย” ให้พวกเธอ ได้มีแรงต่อสู้เอาชนะอุปสรรคและผ่านพ้นในช่วงเวลายากลำบากนี้ไปให้ได้
ความเป็นส่วนตัวของคุณคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา เราต้องการข้อมูลของคุณเพียงเพื่อการประมวลผลที่จำเป็นต่อการให้บริการ
ถ้าคุณยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงในการใช้งานที่รวมถึง PDPA ของไทย อ่านเงื่อนไขการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่นี่ คลิก